เปรียบเทียบสกรูแข็ง เกรด 8.8, 10.9 และ 12.9 เราขออธิบายความแตกต่างตามหลักวิศวกรรม ของสกรูแข็ง เกรด 8.8, 10.9 และ 12.9 พร้อมตารางเปรียบเทียบค่าความแข็ง (Hardness) และ แรงดึง (Tensile) ดังนี้
ความหมายของตัวเลข
ตัวเลขตัวแรก (8, 10, 12) หมายถึง Class ของความแข็งแรงของสกรู โดยสามารถนำไปคำนวนเป็นค่าแรงดึงสูงสุดด้วยการ X 100 เช่น Class 8 = การรับแรงดึงสูงสุดที่ 800 N/mm2
ตัวเลขตัวที่สอง (8, 9, 9) หมายถึง อัตราส่วนระหว่างเพื่อคำนวนค่าแรงดึง Yield ของสกรูตัวนั้นๆ
วิธีการคำนวน จึงเป็นดังนี้
สกรูเกรด 8.8 หมายถึง สกรูสามารถรับแรงดึง Yield ได้ที่ 640 N/mm2
สกรูเกรด 10.9 หมายถึง สกรูสามารถรับแรงดึง Yield ได้ที่ 900 N/mm2
สกรูเกรด 12.9 หมายถึง สกรูสามารถรับแรงดึง Yield ได้ที่ 1080 N/mm2
ข้อดีของสกรูแต่ละเกรด
เกรด 8.8: ราคาถูก หาซื้อง่าย เหมาะกับงานทั่วไป
เกรด 10.9: แข็งแรงกว่า เกรด 8.8 เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงปานกลาง
เกรด 12.9: แข็งแรงที่สุด ทนทานต่อแรงดึง แรงบิด และ แรงกระแทก เหมาะกับงานที่ต้องรับแรงหนัก
ข้อเสียของสกรูแต่ละเกรด
เกรด 8.8: ไม่ทนทานต่อแรงดึง แรงบิด และ แรงกระแทก
เกรด 10.9: ราคาแพงกว่า เกรด 8.8, สิ้นเปลืองลูกรีด หรือ ต๊าปเกลียว ในกรณีที่ต้องมีการแก้ไขเกลียว
เกรด 12.9: ราคาแพงที่สุด, สิ้นเปลืองลูกรีด หรือ ต๊าปเกลียว ในกรณีที่ต้องมีการแก้ไขเกลียว (โรงผลิตส่วนมากจะไม่รับแก้ไข)
สรุป
สกรูแข็งแต่ละเกรด เหมาะกับงานที่แตกต่างกัน
เกรด 8.8: เหมาะกับงานทั่วไป เช่น งานไม้ งานเฟอร์นิเจอร์ หรือ งานเครื่องจักรส่วนที่ไม่ต้องรับแรงมาก
เกรด 10.9: เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงปานกลาง เช่น งานเครื่องจักร
เกรด 12.9: เหมาะกับงานหนัก, จุดใช้งานที่มีความสุ่มเสี่ยง, ส่วนงานที่มีความยากลำบากในการซ่อมบำรุง เช่น งานก่อสร้าง งานยานยนต์
คำแนะนำ
- เลือกเกรดสกรูให้เหมาะสมกับงาน (คำนวนน้ำหนัก และ การรับแรงแนวเฉือน)
- พิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพแวดล้อม การสึกหรอ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากไม่แน่ใจ
สั่งซื้อสกรูคุณภาพจากเรา คลิ๊กเลย
สนับสนุนบทความโดย L.S.T. Group - ทุกคำตอบของสกรูน็อตคุณภาพ